ประวัติความเป็นมาของการ  นวดไทย นวดแผนโบราณ 
  เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล และได้มีการเผยแผ่มาถึงแผ่นดิน  สยามไทย  
  พุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ | 
                      | 
                      | 
                   
                 
                  
                       ข้าพเจ้าจะขอเข้าสาระของการนวดแผนโบราณพอสังเขปตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์เป็น  ต้นมา ดังจะเห็นว่าตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 4   รัตนโกสินทร์ตอนต้นจะเห็นได้ว่าพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ทรงปฏิสังขรณ์วัด  โพธารามหรือวัดโพธิ์ขึ้นเป็นอารามหลวงให้ชื่อว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมและจารึกตำรายา ท่าฤาษีดัดตนและตำราการนวดแผนบรษรไว้ตามศาลาราย 
                     สมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้โปรดเกล้าฯ   ให้หมอหลวงรวบรวมลักษณะโรคและสรรพคุณยา นำเข้ามาทูลเกล้าฯถวาย   จากนั้นได้ตรวจสอบโดยกรมหมอหลวงและบันทึกไว้ในตำราหลวงสำหรับโรงพระโอสถ   ตำราชุดนี้มี 2 เล่ม คือ ตำราในโรงพระโอสถ และ ตำราพระโอสถ 
                     สมัยรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว   ทรงปฏิสังขรณ์วันพระเชตุพนฯ อีกครั้ง และโปรดเกล้าฯให้จารึกตำรายา   บอกสมมติฐานของโรคและวิธีการรักษาไว้บนแผ่นหินอ่อนประดับตามผนังโบสถ์และ  ศาลารายและทรงให้ปลูกต้นสมุนไพรที่หายากไว้ในวัดเป็นจำนวนมากและได้ทรง  ปฏิสังขรณ์วัดราชโอรสารามและได้จารึกตำรายาไว้ในแผ่นศิลาตามเสาระเบียงพระ  วิหาร มีการนำการแพทย์แบบตะวันตกเข้ามาเผยแพร่โดยคณะมิชชันนารีชาวอเมริกัน   โดยการนำของนายแพทย์ แดนบีช รัดเลย์ ซึ่งคนไทยเรียกว่าหมอ บรัดเล่ย์   ซึ่งนำวิธีการแพทย์แบบตะวันตกมาใช้ เช่นการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ,   การใช้ยาควินินรักษาโรคไข้จับสั่น 
                     สมัยรัชการที่ 4   พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้นำการแพทย์แผนตะวันตกมาใช้มากขึ้น   เช่น การสูติกรรมสมัยใหม่   แต่ไม่สามารถเปลี่ยนความนิยมของชาวไทยได้เพราะการแพทย์แผนโบราณเป็นวิถี  ชีวิตของคนไทย   เป็นจารีตประเพณีและวัฒนธรรมที่สืบเนื่องกันมาและโดยทั่วไปคนไทยยังคงนิยม  การแพทย์แผนโบราณอยู่ 
                     สมัยรัชการที่ 5   พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเห็นว่าบรรดาคัมภีร์แผนโบราณ  และตำรายาพื้นบ้านของไทยมีคุณประโยชน์ยิ่งยวด   พระองค์ทรงเห็นคุณค่าของภูมิปัญญาดั้งเดิมอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า  ทรงห่วงใยว่า วิชาการด้านนี้จะสูญสิ้น ดังมีกระแสพระราชดำรัชว่าด้วยเรื่อง   หมอไทยและยาไทย   ปรากฏในพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ   ลงวันที่ 18 พฤษจิกายน รัตนโกสินทร 23 ศก 109 ข้อความว่า   ขอเตือนว่าหมอฝรั่งนั้นดีจริง แต่ควรให้ยาไทยสูญหายหรือไม่   หมอไทยจะควรไม่ให้มีต่อไปภายหน้าหรือควรจะมีไว้บ้าง   ถ้าว่าส่วนตัวฉันเองยังสมัครกินยาไทย และยังวางใจในหมอไทย
 
                     พ.ศ. 2430   พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดให้ตั้งโรงพยาบาลศิริราชขึ้น   โดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นที่อยู่อาศัยของคนที่ป่วยไข้   โดยมีทั้งแพทย์แผนโบราณของไทยทำการรักษาและมีแพทย์ฝรั่งร่วมด้วย 
                     พ.ศ. 2432   ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งโรงเรียนราชแพทยาลัยและได้สร้างตำราเล่มแรก  ชื่อว่า แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์   โดยได้จัดพิมพ์เป็นตอนๆแบ่งออกเป็นภาคกล่าวรวมทั้งวิชาแพทย์แผนโบราณและวิชา  แพทย์ฝรั่ง   โดยมีความประสงค์เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่โรงเรียนราชแพทยาลัยและมหาชนทั่วไป 
                     พ.ศ. 2446 (14 ปีหลังเปิดโรงเรียนแพทย์)   การสอนและการปฏิการแพทย์ไทยในหลักสูตรก็ได้ยุติลง   ด้วยเหตุผลที่บันทึกไว้ในหนังสือเวชชนิสิตฉลอง 50 ปีศิริราชว่า 
                       การสอนการแพทย์แผนโบราณของไทยไม่มีหลักสูตรและไม่มีวิธีการปฏิบัติรักษาแน่  นอนจริงจัง   และนักเรียนจะรู้เรื่องการแพทย์แผนโบราณของไทยก็รู้ได้อย่างเดียว   คือต้องท่องจำตำราทางฝ่ายการแพทย์นี้จำกัดอยู่เฉพาะตำราของหลวง   มีการดัดแปลงครั้งเดียวเพื่อให้ง่ายเข้า   ซึ่งผิดกับการแพทย์แผนปัจจุบันที่มีหลักสูตรแน่นอน   และตำรามีมากและยังมีการศึกษาเพิ่มเติมเรื่อยๆ 
                     สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว   รัฐบาลได้ยกเลิกการรักษาแผนโบราณออกจากระบบบริการสาธารณสุขของรัฐ   ทำให้การแพทย์แผนโบราณมีบทบาทต่อสังคมไทยน้อยลง 
                  
                     พ.ศ.2466   ได้ประกาศให้ใช้พระราชบัญญัติการแพทย์เพื่อเป็นการควบคุมการประกอบโรคศิลปะ   เป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับประชาชน   อันเนื่องมาจากการประกอบการของผู้ที่ไม่มีความรู้และมิได้ฝึกหัดผลจากการออก  พระราชบัญญัตินี้   ส่งผลให้หมอพื้นบ้านจำนวนมากที่ไม่เข้าใจและรัฐบาลอาจจะไม่พร้อมในการประชา  สัมพันธ์หรือด้วยประการใดก็มิทราบ เมื่อทราบต่างก็กลัวจะถูกจับ   จำเลิกประกอบอาชีพนี้ บ้างก็เผาตำราทิ้ง   แต่ก็ยังมีหมอแผนโบราณเพียงจำนวนน้อยหนึ่งเท่านั้นที่สามารถปฏิบัติได้  ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว   อย่างไรก็ตามด้วยเหตุที่ประชาชนส่วนมากยังนิยมยาไทยและการรักษาแบบแผนโบราณ  อยู่มากพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์   พระบิดาแห่งกองทัพเรือ ได้ทรงศึกษาเวชกรรม   เภสัชกรรมแผนโบราณผนวกกับไสยศาสตร์จากพระเกจิอาจารย์ อาทิ   หลวงพ่อศุข(พระครูวิมลคุณาแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท)   ได้ทรงเป็นผู้นำในทางการแพทย์แผนโบราณ   ทรงให้การรักษาโรคและการเจ็บไข้ได้ป่วยแก่สามัญชนทั่วไปโดยมิได้คิดมูลค่า  ใดๆ และมิได้ทรงถือพระองค์แต่อย่างใด   จนเป็นที่รู้จักเรียกหากันอย่างกว้างขวางในหมู่ราษฏรแถบนางเลิ้งว่า หมอพร 
                   ในสมัยรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานการปกครองแบบประชาธิปไตยให้แก่ประชาชน 
                     วันที่ 5 กันยายน 2475   คณะแพทย์แผนโบราณที่มีใบอณุญาตให้ประกอบโรคศิลปะแผนโบราณได้ในขณะนั้นได้รวม  กันจัดตั้งสมาคมแพทย์แผนโบราณแห่งประเทศไทยขึ้น ณ วัดเทพธิดาราม   พระนครกรุงเทพ โดยการนำของหมอใหญ่ ศีตะวาทิน   และได้มีการเปิดสอนวิชาแพทย์แผนโบราณทั้งเวชกรรม เภสัชกรรม หัตถเวชกรรม   หมอนวดแผนโบราณและการผดุงครร์โบราณ มีประชาชนสนใจเข้าเรียนเป็นจำนวนมาก 
                     พ.ศ. 2479 ได้มีการยกเลิกพระราชบัญญัติการแพทย์แผนโบราณ พ.ศ. 2466   และได้ประกาศพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2479 ขึ้นใหม่   อณุญาตให้มีการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณได้ ภายใต้พระราชบัญญัตินี้   โดยกำหนดไว้ในมาตรา 4 ว่า การประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนโบราณ หมายความว่า   การประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยความรู้จากตำราหรือการเรียนสืบต่อกันมา   อันมิใช่การศึกษาตามหลักวิทยาศาสตร์และได้จัดแบ่งการแพทย์แผนโบราณออกเป็น 3   สาขา คือ สาขาเวชกรรม สาขาเภสัชกรรม สาขาการผดุงครรภ์   ให้มีการเรียนแบบสืบทอดความรู้ดั้งเดิมและสามารถยื่นสมัครสอบรับใบสมัครโรค  ศิลปะจากกระทรวงสาธารณสุขได้ปีละ 1 ครั้ง 
                     สมัยรัชกาลที่ 9 พ.ศ. 2500   คณะอาจารย์บางส่วนจากสมาคมแพทย์แผนโบราณแห่งประเทศไทยวัดเทพธิดารามได้รวม  กันจัดตั้งสมาคมแพทย์แผนโบราณขึ้นอีกแห่งหนึ่งที่วัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์)   ท่าเตียน กรุงเทพ   และได้ขอใบอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์แผนโบราณขึ้น   โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมวโรดม   เจ้าอาวาสและท่านเจ้าคุณพระวิเชียรธรรมคุณาธาร   รองเจ้าอาวาสเป็นผู้อุปการะตั้งเป็นโรงเรียนแพทย์แผนโบราณแห่งแรก 
                  
                       ต่อมาคณาจารย์และลูกศิษย์ที่จบจากโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน(วัด  โพธิ์)   ก็ได้มีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นกลุ่มสมาคมฯอีกมากมายกระจายไปทั่วประเทศ  ดังเช่นสมาคมแพทย์แผนโบราณวัดปรินายก สมาคมแพทย์แผนโบราณวัดสามพระยา   เป็นต้น 
                     ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเข้าไปเรียนนวดแผนโบราณที่สมาคมแพทย์แผนโบราณวัดปรินายก   เมื่อปี พ.ศ.2517 ในขณะนั้น อาจารย์เจือ ขจรมาลี   ผู้ที่มีส่วนร่วมก่อตั้งสมาคมแพทย์แผนโบราณแห่งประเทศไทยกับคณะของคุณหมอ  ใหญ่ ซึ่งในขณะนั้น   อาจารย์เจือได้เป็นนายกสมาคมแพทย์แผนโบราณวัดปรินายกและเป็นอาขารย์สอนนวด  ด้วย ข้าพเจ้าจึงได้ถ่ายทอดความรู้วิชานวดแผนโบราณจากท่านเต็มที่   ท่านอยู่ในแนวอนุรักษ์นวดแผนโบราณ   ข้าพเข้าขึงได้สืบทอดวิชาอนุรักษ์นวดแผนโบราณมาถ่ายทอดให้แก่คนตาบอดภายใต้  การดำเนินการของมูลนิธิคอลฟีลด์เพื่อคนตาบอดฯ   และได้รับใบประกาศนวดแผนโบราณจากสมาคมปี พ.ศ. 2518   และได้ใช้วิชานวดตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา 
                  
                       ข้าพเจ้าเห็นว่านวดแผนโบราณของไทยนั้นมีความเหมาะสมและปฏิบัติงานได้อย่าง  สมบูรณ์แบบในคนตาบอด   ดังนั้นในฐานะที่ข้าพเจ้าได้ทำงานและคุ้นเคยกับการหาอาชีพให้กับคนตาบอดใน  ขณะนั้นเห็นว่าอาชีพอื่นๆ   เป็นเรื่องลำบากเพราะสังคมในขณะนั้นยังไม่ยอมรับความสามารถในอาชีพต่างๆ   ของคนตาบอด   เพียงแต่ข้าพเจ้าได้ใช้อาชีพนวดแผนโบราณขึ้นและเห็นว่าสังคมยอมรับในอาชีพ  นี้เป็นอย่างดี จึงได้ดำริจัดตั้งเป็นมูลนิธิขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2522   แต่เนื่องจากขาดแคลนด้านปัจจัย งานของมูลนิธิจึงเริ่มเปิดสอนคนตาบอดได้ในปี   พ.ศ. 2529   และก็ได้ถ่ายทอดวิชานวดแผนโบราณนี้ตลอดมาและสังคมก็ให้ความไว้วางใจจากหมอ  นวดของเรา ทุกๆท่านที่จบหลักสูตรของมูลนิธิด้วยดีตลอดมา   แต่อุปสรรคที่มีอยู่ขณะนี้ก็เนื่องจากพระราชบัญญัติปี พ.ศ.2479 
                     ปี พ.ศ.2523 ศาสตราจารย์นายแพทย์อวย เกตุสิงห์   แพทย์แผนปัจจุบันได้เห็นความสำคัญของการแพทย์แผนโบราณว่ามีคุณอนันต์   สามารถนำพาชีวิตคนไทยให้รอดพ้นมาจนทุกวันนี้ได้   ท่านจึงได้รวบรวมแพทย์แผนโบราณและแผนปัจจุบันที่เห็นคุณค่าของแพทย์แผนโบราณ   ก่อตั้งมูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์แผนโบราณเดิมขึ้น   ภายใต้องค์อุปถัมภ์ของสมเด็จพระญาณสังวรพระสังฆราชสกลสังฆปรินายกและภายใต้  พระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 
                     ปี พ.ศ. 2525 มูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์แผนไทยเดิม   ก็ได้จัดตั้งโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ ประยุกต์ขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศ   ภายใต้ชื่อ โรงเรียนอายุรเวทวิทยาลัย 
                   ปี พ.ศ. 2536 ได้มีกลุ่มคณะแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนโบราณ ได้ร่วมกันก่อตั้งการแพทย์แผนไทยขึ้นในกระทรวงสาธาราณสุข (นวดแผนไทย) 
                     ปี พ.ศ. 2547 มหาวิทลัยมหิดล ศิริราช   จะรับหลักสูตรอายุรเวทวิทยาลัยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในคณะมหาวิทลัยมหิดล   ส่วนข้าพเจ้าก็จะขอใช้คำว่า อนุรักษ์นวดแผนโบราณให้กับคนตาบอดต่อไป 
                
                  
                      | 
                      | 
                         ประโยชน์จากการนวดแผนโบราณ   เท่าที่ได้ศึกษาย้อนหลังและสืบถามจากอาจารย์เก่าๆในสมัยโบราณนั้น   หมอนวดต้องรู้จักใช้ยาสมุนไพรและหมอยาสมุนไพรก็จะต้องรู้จักการนวด   ดังจะเห็นได้ว่าในสมัยโบราณยังไม่มีโรงพยาบาลนั้น   เวลามีคนไข้หนักชาวบ้านจะไปตามหมอมานอนกินมารักษาที่บ้านคนไข้   หมอก็จะใช้ยาและนวดประกอบเป็นต้น 
                             สำหรับคนไข้ที่ไม่หนักที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงก็จะเดินทางมาเจียดยาที่  บ้านหมอเป็นต้น   ประโยชน์จากการนวดแผนโบราณอย่างถูกวิธีจะทำให้ร่างกายเกิดความสมดุลในทุกๆ  ด้าน   ดังนั้นผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยที่ไม่มีเชื้อโรคอันเกิดจากระบบต่างๆในร่างกาย  ผิดปกติไป เช่นปวดเมื่อย ปวดหลัง เข่าเสื่อม ข้อเสื่อม ไมเกรน เทนนิสเอเบิล   และระบบอื่นๆที่บกพร่องถ้าได้ทำการบำบัดจากการนวดอย่างถูกวิธีสม่ำเสมอ   ประมาณอาทิตย์ละหน อาการต่างๆก็จะบรรเทาเบาบางและหายไป ทำให้สุขภาพดี   แข็งแรง ดูไม่แก่  | 
                   
                 
                             ดังนั้นถ้าบุคคลที่ได้รับการบำบัดสม่ำเสมอก็จะสุขภาพดี   จุดประสงค์หลักจองการนวดก็คือ กระตุ้นให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น   คนเราถ้าเลือดลมไหลเวียนดี อะไรๆก็ดีหมด 
                  
                
                  
                    
                       อาจารย์เอ็ม รามฤทธิ์ ให้การสนับสนุนอาชีพนวดแผนไทย 
                        บริการหมอนวดสาวมืออาชีพ ที่จะผ่อนคลายให้กับท่าน
                         
                        ขอแนะนำหมอนวดมืออาชีพ ที่จะให้บริการคุณ 
                        ติดต่อจองคิว จองล่วงหน้า 1 วัน หรือ 3 ชั่วโมง ก่อนนัดให้บริการ 
                        น้องหญิงโกโก้ 
                          
                        
                        ติดต่อหญิงโกโก้ได้ที่เบอร์  .... 0614474204 
                        ติดต่อนวดแบบอีโรติกได้ทางไอดีไลน์ girlxclub นวดโดยอาจารย์เอ็ม รามฤทธิ์ 
                           
                          | 
                     
                  
                 
                 
                
                 
                                                    |